แผนการความรอดของพระเจ้า

ปัญหาของมนุษย์
ถูกแยกจากพระเจ้า
อิสยาห์ 59:2 แต่ว่าความบาปชั่วของเจ้าทั้งหลายได้กระทำให้เกิดการแยก ระหว่างเจ้ากับพระเจ้าของเจ้า และบาปของเจ้าทั้งหลาย ได้บังพระพักตร์ของพระองค์เสียจากเจ้า พระองค์จึงมิได้ยิน
โรม 5:8 แต่พระเจ้าทรงสำแดงความรักของพระองค์แก่เราทั้งหลาย คือขณะที่เรายังเป็นคนบาปอยู่นั้น พระคริสต์ได้ทรงสิ้นพระชนม์เพื่อเรา

ตามพระธรรมโรม 5:8 พระเจ้าทรงสำแดงความรักของพระองค์ โดยการตายของพระบุตร แล้วเหตุใดพระบุตรต้องมา ตายเพื่อเราด้วย? เพราะพระคัมภีร์กล่าวว่า มนุษย์ทุกคนเป็นคนบาป การ "ทำบาป" คือการพลาดเป้า ในพระคัมภีร์ กล่าวว่า "ทุกคนทำบาป และเสื่อมจากพระสิริ (ความบริสุทธิ์) ของพระเจ้า" (โรม 3:23) ความหมายคือ ความบาป ของเราแยกเราออกจากพระเจ้า ผู้ทรงบริสุทธิ์ศักดิ์สิทธิ (ชอบธรรมและยุติธรรม) พระองค์จึงจำต้องพิพากษาคนบาป

ฮาบากุก 1:13ก พระเนตรของพระองค์บริสุทธิ์ เกินที่จะทอดพระเนตรการชั่ว จะทรงมองดูการผิดก็ไม่ได้ ไฉนพระองค์ทอดพระเนตรคนทรยศ และทรงเงียบอยู่เมื่อคนอธรรมกลืน คนที่ชอบธรรมเกินกว่าตัวเขาเสีย



การงานอันไร้ประโยชน์ของเรา
ในพระคัมภีร์สอนว่า ไม่ว่ามนุษย์จะทำความดีมากแค่ไหน มีความเพียรพยายาม มีศีลธรรมสูงส่ง หรือทำบุญสุนทาน มากมายให้กับพระเจ้า ก็ไม่อาจทำให้เข้าสู่สวรรค์ได้ ไม่ว่าคนดีมีศีลธรรม คนที่ศรัทธาในศาสนา คนชั่วร้าย คนไม่มี ศาสนา ล้วนแล้วแต่ลงเรือลำเดียวกัน คือเสื่อมไปจากความบริสุทธิ์ของพระเจ้า เมือพิจารณาดูคนอธรรม คนมีศีลธรรม หรือคนศรัทธาในศาสนา ตามที่บ่งอยู่ในพระธรรมโรม 1:18-3:8 อ.เปาโลกล่าวว่าทั้งยิวและกรีกตกอยู่ภายใต้บาปทั้งสิ้น "ไม่มีผู้ใดเป็นคนชอบธรรมสักคนเดียว ไม่มีเลย" (โรม 3:9-10) นอกจากนี้ในพระคัมภีร์ยังเพิ่มเติมอีกด้วยว่า

เอเฟซัส 2:8-9 8 ด้วยว่าซึ่งท่านทั้งหลายรอดนั้นก็รอดโดยพระคุณเพราะความเชื่อ และมิใช่โดยตัวท่าน ทั้งหลายกระทำเอง แต่พระเจ้าทรงประทานให้ 9 ความรอดนั้นจะเนื่องด้วยการกระทำก็หามิได้ เพื่อมิให้ คนหนึ่งคนใดอวดได้

โรม 4:1-5 ถ้าเช่นนั้น เราจะว่าอะไรเรื่องอับราฮัม บรรพบุรุษของเราตามสายโลหิต 2 ถ้าอับราฮัม เป็นผู้ชอบธรรมโดยการประพฤติ ท่านก็มีทางที่จะอวดได้ แต่ในสายพระเนตรของพระเจ้าท่านไม่มีทาง อย่างนั้น 3 พระคัมภีร์ว่าอย่างไร ก็ว่า อับราฮัมเชื่อในพระเจ้าและเพราะความเชื่อนั้นเอง พระเจ้าทรงถือว่า ท่านเป็นคนชอบธรรม 4 ฝ่ายคนที่ ทำงาน ก็ไม่ถือว่าค่าจ้างที่ได้นั้นเป็นบำเหน็จ แต่ถือว่าเป็นค่าแรงของงาน ที่ได้ทำ 5 ส่วนคนที่มิได้อาศัยการประพฤติ แต่ได้เชื่อในพระองค์ผู้ทรงโปรดให้คนผิดเป็นคนชอบธรรมได้ เพราะความเชื่อของคนนั้น พระเจ้าทรงถือว่าเป็นความชอบธรรม



ไม่ว่ามนุษย์จะพยายามทำดีมากเท่าใดก็ตาม ยังไม่ถึงมาตรฐานของพระเจ้า พระเจ้าทรงเป็นผู้บริสุทธิ์ยุติธรรมอย่าง สมบูรณ์ ด้วยเหตุนี้เอง พระธรรมฮาบากุก 1:13 บอกเราว่า พระเจ้าไม่สามารถมีสามัคคีธรรมกับผู้ไม่บริสุทธิ์สมบูรณ์ได้ การที่จะให้พระเจ้ายอมรับเรา เราต้องดีพร้อมเช่นเดียวกับพระองค์ ต่อเบื้องพระพักตร์ เราปิดบังสิ่งใดไม่ได้ อ่อนแอ ช่วยเหลือตนเองไม่ได้ อยู่ในสภาพสิ้นหวัง คุณงามความดีที่ทำมา ไม่ว่ามากน้อยแค่ใหนก็ตาม ไม่สามารถทำให้เรา เข้าสู่สวรรค์ หรือมีชีวิตนิรันดร์ได้ แล้วเราจะมีทางออกใด?

ทางออกของพระเจ้า
พระเจ้าไม่เพียงแต่บริสุทธิ์สมบูรณ์เท่านั้น (เป็นพระลักษณะที่ไม่มีมนุษย์ผู้ใดสามารถเป็นได้ ไม่ว่าจะทำดีแค่ไหนก็ตาม) แต่พระองค์ทรงเปี่ยมไปด้วยความรัก พระคุณและความเมตตา เป็นเพราะพระคุณความรักของพระองค์นี้เอง ที่ไม่ทรง ปล่อยให้เราจนตรอก สิ้นหวัง

โรม 5:8 แต่พระเจ้าทรงสำแดงความรักของพระองค์แก่เราทั้งหลาย คือขณะที่เรายังเป็นคนบาปอยู่นั้น พระคริสต์ได้ทรงสิ้นพระชนม์เพื่อเรา

โรม 4:25 คือพระเยซูผู้ทรงถูกอายัดไว้ให้ถึงสิ้นพระชนม์แล้ว เพราะการล่วงละเมิดของเรา และได้ทรง ฟื้นจากความตาย เพื่อให้เราเป็นคนชอบธรรม

2 โครินธ์ 5:21 เพราะว่าพระเจ้าได้ทรงกระทำพระองค์ผู้ทรงไม่มีบาปให้บาป เพราะเห็นแก่เรา เพื่อเรา จะได้เป็นคนชอบธรรมของพระเจ้าทางพระองค์

1 เปโตร 3:18 ด้วยว่าพระคริสต์ก็ได้สิ้นพระชนม์ ครั้งเดียวเท่านั้นเพราะความผิดบาป คือพระองค์ ผู้ชอบธรรม เพื่อผู้ไม่ชอบธรรม เพื่อจะได้ทรงนำเราทั้งหลายไปถึงพระเจ้า ฝ่ายกายพระองค์จึงสิ้นพระชนม์ แต่ฝ่ายวิญญาณ ทรงคืนพระชนม์

แผนการความรอดของพระเจ้า

มาระโก 16:16 ผู้ที่เชื่อและรับบัพติศมาก็จะรอด แต่ผู้ที่ไม่เชื่อจะต้องถูกลงพระอาชญา

กิจการ 2:38 ฝ่ายเปโตรจึงกล่าวแก่เขาว่า "จงกลับใจเสียใหม่และรับบัพติศมาในพระนามแห่งพระเยซูคริสต์สิ้นทุกคน เพื่อว่าพระเจ้าทรงยกความผิดบาปของท่านเสีย และท่านจะได้รับของประทานของพระวิญญาณบริสุทธิ์

กิจการ 4:12 ในผู้อื่นความรอดไม่มีเลย ด้วยว่านามอื่นซึ่งให้เราทั้งหลายรอดได้ ไม่ทรงโปรดให้มีในท่ามกลางมนุษย์ทั่วใต้ฟ้า"

กิจการ 8:16 ด้วยว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์ยังไม่ได้เสด็จลงมาสถิตกับผู้ใด เป็นแต่เขาได้รับบัพติศมาในพระนามแห่งพระเยซูเจ้าเท่านั้น

กิจการ 19:1-6 ต่อมาขณะที่อปอลโลยังอยู่ในเมืองโครินธ์นั้น เปาโลได้ไปตามแว่นแคว้นฝ่ายเหนือ แล้วมายังเมืองเอเฟซัส และพบสาวกบางคนจึงถามเขาว่า "ตั้งแต่ท่านทั้งหลายเชื่อนั้น ท่านได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์หรือเปล่า" เขาตอบเปาโลว่า "เปล่า เรื่องพระวิญญาณบริสุทธิ์นั้นเราก็ยังไม่เคยได้ยินเลย"เปาโลจึงถามเขาว่า "ถ้าอย่างนั้นท่านได้รับบัพติศมาอันใดเล่า" เขาตอบว่า "บัพติศมาของยอห์น"เปาโลจึงว่า "ยอห์นให้รับบัพติศมาสำแดงถึงการกลับใจใหม่ก็จริง แล้วบอกคนทั้งปวงให้เชื่อในพระองค์ผู้จะเสด็จมาภายหลังคือพระเยซูคริสต์"เมื่อเขาได้ยินอย่างนั้น เขาจึงรับบัพติศมาในพระนามของพระเยซูเจ้าเมื่อเปาโลได้วางมือบนเขาแล้ว พระวิญญาณบริสุทธิ์ก็เสด็จลงมาบนเขา เขาจึงพูดภาษาต่างๆและได้พยากรณ์ด้วย

ยอห์น 3:16 ทางของพระเจ้าอันยิ่งใหญ่และลึกลับซึ่งไม่มีใครปฏิเสธได้ก็คือ พระเจ้าทรงปรากฏในเนื้อหนัง พระวิญญาณได้ทรงพิสูจน์แล้ว หมู่ทูตสวรรค์ก็เห็น และมีผู้ประกาศพระองค์แก่ชนต่างชาติ มีชาวโลกเชื่อถือพระองค์ และพระองค์ทรงถูกรับขึ้นไปในสง่าราศี

http://www.sayadi-al-nas.com